แต่ถ้าย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น คงต้องบอกว่านี่เป็นซีซั่นที่ล้มเหลวมากที่สุดในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว พวกเรากำลังเฉลิมฉลองกับ 2 ฟุตบอลถ้วยในประเทศ ทั้ง คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ ที่เหมือนเป็นการปลอบใจกับการลุ้น 4 แชมป์ แต่ต้องพลาดไปในพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ตอนนั้นผมมั่นใจเหลือเกินว่า เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ เราจะเอาความผิดหวังมาเป็นพลัง แล้วตามเช็คบิลสองถ้วยในปีนี้ให้สำเร็จจนได้ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นเลยครับ เราเปิดฤดูกาล 3 นัดแรก โดยมีแค่ 2 คะแนน ซึ่งเป็นการเสมอกับ ฟูแล่ม และ คริสตัล พาเลซ แล้วไปแพ้เพื่อนรักอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ไม่อยากจะเชื่อก็จำเป็นต้องเชื่อนะครับ เพราะว่ามันเป็นความจริงที่ว่า ลิเวอร์พูล ไม่สามารถขึ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในฤดูกาลนี้

เราอาจมีเกมย้อมใจ ไม่ว่าจะเป็นชนะ ‘ปีศาจแดง’ ถล่มทลาย พลิกชนะ ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่แอนฟิลด์ หรือประตูในช่วงนาทีสุดท้ายของ โจต้า กับ สเปอร์ส แต่สุดท้ายแล้ว การแพ้คาบ้านต่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด หรือออกไปเยือนแล้วแพ้งงๆต่อ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และ บอร์นมัธ โดยเฉพาะปราชัยแบบสู้ไม่ได้ เกมขาดถึง 3 ประตู ต่อ ไบรท์ตัน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน มันเป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะให้อภัยได้

ยังดีหน่อยที่พอมีอะไรให้ลุ้นบ้าง เมื่อช่วงท้ายฤดูกาลสามารถเก็บชัยชนะได้ 7 นัดติด จนมีสิทธิ์ลุ้นไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ และได้เพียงแค่ที่ 5 ไปครอง

หลังจากจบฤดูกาลไปแล้ว พวกเราสาวก ‘หงส์แดง’ คงได้พักผ่อนกันให้เต็มที่ ก่อนจะต้องเริ่มกดปุ่ม ‘F5’ กันรัวๆ เพื่อรอลุ้นเปิดตัวนักเตะใหม่

นี่จะเป็นซัมเมอร์ครั้งสำคัญที่สุดของ ลิเวอร์พูล เพราะหากไม่สามารถเสริมตัวได้ดีพอจะกลับไปเล่น แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลถัดไป มันอาจเป็นสัญญาณถดถอยให้กลับไปเป็นทีมลูกไล่อีกครั้ง หรือร้ายแรงที่สุด เก้าอี้ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจไม่สบายอีกต่อไป

เขียนโดย The Lite Team.